ต้นทุนค้าปลีก พุ่งไม่หยุด ยักษ์อุปโภคบริโภคแห่ขึ้นราคา-ลดไซซ์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่หลายราย อาทิ พีแอนด์จี ยูนิลีเวอร์ และเนสท์เล่ รวมถึงยักษ์ขนมหวานอย่างเฮอร์ชีส์ เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าและใช้กลยุทธ์ไซซิ่งหรือปรับขนาดแพ็กเกจในช่วงไตรมาส 4 และต้นปีหน้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำไรต่อหน่วย หวังรับมือกับค่าขนส่งและอัตราเงินเฟ้อในแต่ละประเทศ

โดย “เฮอร์ชีส์” ยักษ์ขนมหวานสัญชาติสหรัฐ เป็นผู้ประกอบการรายล่าสุดที่เตรียมขึ้นราคาและปรับไซซ์สินค้า ให้สะท้อนต้นทุนค่าขนส่งและเงินเฟ้อในแต่ละตลาด เริ่มจากสหรัฐที่เป็นตลาดหลัก โดยเตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าอีกครั้งในปีหน้า หลังปรับไปเมื่อ ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อชดเชยต้นทุนซึ่งยังเพิ่มสูงขึ้นจนกระทบผลกำไร 2 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะเดียวกันจะลอนช์ขนมรีซีส์ คัพ (Reese’s Cup) เวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าปกติถึง 40% ในเดือน มี.ค. หวังตอบโจทย์กลุ่มรักษ์สุขภาพที่ต้องการบริโภคขนมหวานปริมาณน้อย รวมถึงเพิ่มสัดส่วนกำไรต่อชิ้นขึ้น

“มิเชล บัค” ซีอีโอของเฮอร์ชีส์ อธิบายว่า การขึ้นราคาและไซซิ่งปีนี้ จะทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐขยับขึ้น 2.5% ชดเชยกับกำไรที่ลดลง 1.3% ในไตรมาสก่อนหลังสภาวะขาดแคลนรถบรรทุกทำให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น

ด้านยักษ์อุปโภคบริโภคอีก 3 ราย ทั้งพีแอนด์จี ยูนิลีเวอร์ และเนสท์เล่ ต่างประกาศขึ้นราคาสินค้าทั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศไปก่อนหน้าแล้ว เพื่อรับมือสภาวะเงินเฟ้อและค่าขนส่งที่สูงตามราคาน้ำมัน พร้อมทุ่มเม็ดเงินทำการตลาดป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคหนีไปหาตัวเลือกที่ราคาถูกลง หรือสินค้าโอว์นแบรนด์ของค้าปลีกต่าง ๆ

โดยยูนิลีเวอร์เตรียมขึ้นราคาสินค้าช่วงไตรมาส 4 นี้ พร้อมพยายามผลักดันให้ผู้บริโภคทดลองใช้ผงซักฟอก “เซิร์ฟ เอ๊กซ์ตร้า” ที่มีระดับราคาสูงกว่าแบรนด์ระดับแมสถึง 2 เท่า เช่นเดียวกับเนสท์เล่ ที่พยายามดันกาแฟออร์แกนิกในแดนภารต ด้วยการชูจุดขายด้านสุขภาพและไลฟ์ไตล์ ส่วนพีแอนด์จีเริ่มแจ้งคู่ค้าและผู้บริโภคในบางตลาดให้เตรียมรับมือการขึ้นราคาสินค้าเร็ว ๆ นี้ หลังราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคานี้อาจยังไม่เห็นได้ทันที และอาจกระทบเพียงบางตลาดเท่านั้น โดย “แกรม พิคแคทรี” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า การปรับราคานี้จะแตกต่างกันออกไปตามสภาวะของแต่ละตลาด เช่น อาร์เจนตินา ซึ่งปรับขึ้นราคาสินค้าตามอัตราเงินเฟ้อไปแล้วเมื่อไตรมาส 3 เช่นเดียวกับ “จอห์น โมเลอร์” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของพีแอนด์จี ที่ระบุว่า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้ยังไม่มีผลกับสินค้าลอตปัจจุบันที่อยู่ในร้านค้าแล้ว

ดังนั้นจึงต้องรอดูว่า มาตรการขึ้นราคาและการทำไซซิ่งครั้งนี้จะมีผลกับประเทศใดบ้าง และจะสามารถแก้ปัญหาต้นทุนขนส่ง-วัตถุดิบได้หรือไม่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.prachachat.net

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------