ร้าวทรุดบ้านหรูรัชวิภา EP.2 ภาครัฐฟันธง! มหากาพย์บ้านยุบ สรุปใครรับผิดชอบ?

2.6K



ร้าวทรุดบ้านหรูรัชวิภา EP.2 ภาครัฐฟันธง! มหากาพย์บ้านยุบ สรุปใครรับผิดชอบ?

 
ร้าวทรุดบ้านหรูรัชวิภา EP.2
 

จากรายงานพิเศษ “ร้าวทรุดบ้านหรูรัชวิภา” ในตอนที่ผ่านมา ได้สะท้อนปัญหาจากเหล่าลูกบ้าน พร้อมชี้แจงแถลงไขชัดๆ จากฟากฝั่งผู้ประกอบการกันไปแล้ว ในตอนนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้นำข้อเท็จจริงจากฝั่งภาครัฐมานำเสนอ...บทสรุปของเรื่องนี้ควรเป็นเช่นไร? ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ? ซ่อมแซมแบบใดถึงจะยั่งยืน? วันนี้เรามีคำตอบร้อนๆ มาเสิร์ฟ

 
ลูกบ้านกำลังดำเนินการตอกเสาเข็มเอง
ลูกบ้านกำลังดำเนินการตอกเสาเข็มเอง เนื่องจากปกติทางโครงการไม่ได้ตอกเสาเข็มให้
 
รองกรรมการผู้อำนวยการบริษัทบ้านชื่อดัง
รองกรรมการผู้อำนวยการบริษัทบ้านชื่อดัง เจ้าของโครงการหรูกลางกรุง
 

ว่าด้วยเรื่องทรุด! ผิดปกติไหม? ใครต้องรับผิดชอบ?

นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีบ้านทรุดว่า บ้านที่มีการทรุดตัวในระดับที่น้อยกว่า 10 ซม. ถือว่าเป็นการทรุดตัวโดยธรรมชาติ ส่วนบ้านที่ทรุดมากกว่า 10 ซม. จะอยู่ในข้อกำหนดที่ทาง AP จะให้การช่วยเหลือ

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ให้ความรู้ว่า พื้นที่ใน กทม. โดยเฉลี่ยแล้วจะทรุด 1-2 ซม.ต่อปี สำหรับการทรุดตัวของโครงการดังกล่าวนี้ ถ้าสร้างให้ดี จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทรุดมากนัก แต่ก็อาจจะเกิดการทรุดได้บ้างเล็กน้อย เนื่องจากการก่อสร้างสิ่งต่างๆ บนพื้นดิน เป็นการก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ รวมทั้ง ปัจจุบันสมองของวิศวกรถือว่ามีความก้าวหน้าอย่างมาก ถึงขั้นสามารถสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ต่อต้านธรรมชาติได้ เช่น สร้างสนามบินถมทะเลที่ฮ่องกงก็มีมาแล้ว หรือแม้แต่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ถือว่าเป็นดินที่มีลักษณะอ่อนที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งหมายความว่ามนุษย์สามารถสร้างได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นการก่อกวนธรรมชาติก็ตามที

สคบ. ---> นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวถึงบ้านทรุดกับทีมข่าวว่า ขณะนี้ สคบ. ได้แจ้งให้ทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ช่วยดำเนินการตรวจสอบบ้านที่เกิดปัญหา โดยเฉพาะการตรวจสอบพื้นดินว่าจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาการทรุดตัวของดินอย่างผิดปกตินี้อย่างไร เพื่อที่ สคบ.จะเชิญผู้ประกอบการมาหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า เช่น บ้านทรุดก็ถมดินลงไปหรือปูพื้นกระเบื้องให้ใหม่ จากนั้นไม่นานดินก็ทรุดลงไปอีก ทำให้เป็นปัญหาซ้ำซาก ดังนั้น จึงต้องหาสาเหตุที่แท้จริงว่าดินทรุดเพราะอะไร และเมื่อไรจะหยุดทรุดตัว โดยพึ่งพานักวิชาการทางด้านนี้ เพื่อแก้ปัญหาการทรุดตัวผิดปกติของดินแล้วค่อยปูพื้นใหม่จะดีกว่า

 
บริเวณหน้าบ้านทรุดจนเจ้าของบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
บริเวณหน้าบ้านทรุดจนเจ้าของบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
 
คุณมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส ตัวแทนลูกบ้าน
คุณมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส ตัวแทนลูกบ้าน
 

ว่าด้วยเรื่องประวัติความเป็นมา ถมที่ ใบอนุญาต...(ก่อนจะมาเป็นบ้านกลางกรุง รัชวิภา)

“สำหรับการถมที่ ในพื้นที่ที่เป็นถนนจะใช้ดินที่มีลักษณะเป็นดินแห้ง ถมบริเวณหน้าดิน ส่วนตัวผังหรือพื้นสำหรับตัวบ้าน จะมีการขุดความลึก 2-3 เมตร แล้วถมทับด้วยดินเหนียวตามท้องนา โดยมีระยะการถมดินทิ้งไว้ประมาณ 2 ปี” นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) แจงรายละเอียดในการถมที่ดินก่อนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พูดถึงการถมที่ดินอย่างถูกวิธีและปลอดภัยว่า ก่อนการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการจะต้องถมดิน เพื่อให้หน้าดินมีการเซตตัว โดยอาจจะต้องปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานถึง 5 ปี หรือมากกว่านั้น ไม่มีใครตอบได้ ส่วนการถมดินที่ดีที่สุดคือ ใช้ทรายถม แต่ที่ผ่านมาโครงการส่วนใหญ่จะไม่ค่อยถมที่ด้วยทรายเท่าใดนัก เนื่องจากมีต้นทุนสูง หลังจากดินเริ่มเซตตัวเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการของการสร้างบ้าน

“โครงการส่วนใหญ่จะเอาดินเหนียวมาถมก็จะยิ่งเป็นปัญหาในระยะยาว เร่งการทรุดตัว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตอกเสาเข็มทั้งส่วนของตัวบ้านและถนน” นายก วสท. กล่าวถึงข้อเสียการถมที่ดินโดยใช้ดินเหนียว

 
นายเทวฤทธิ์ เครือมณี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร
นายเทวฤทธิ์ เครือมณี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร
 
บ้านทรุดอย่างเห็นได้ชัด
บ้านทรุดอย่างเห็นได้ชัด
 

สำนักงานเขตเจ้าของพื้นที่ ---> นายเทวฤทธิ์ เครือมณี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร เล่าย้อนไปถึงความเป็นมาของหมู่บ้านดังกล่าวว่า สำหรับโครงการหมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา มีการขออนุญาตการก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2547 แล้ว และในปี 2552 ซึ่งเป็นการทยอยขออนุญาตตามจำนวนหลังของสิ่งปลูกสร้างของโครงการ โดยในปี 2547 ได้ขออนุญาตการก่อสร้างเฟสแรก จำนวน 60 ห้อง โดยพื้นที่ของหมู่บ้านแต่เดิมเป็นที่ดินว่างเปล่า มีลักษณะเป็นที่ลุ่มใกล้บริเวณคลองเปรม ซึ่งหากน้ำในคลองลดลงจะส่งปัญหาดินทรุด และดึงพื้นที่โดยรอบไปด้วย

สำนักงานที่ดิน ---> นายสุวิชัย สินบังเกิด เจ้าพนักงานสำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ สาขาจตุจักร กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ทาง บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ขออนุญาตการก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงโฉนดที่ดินและแบ่งแยกตามผังอย่างถูกต้อง ซึ่งโดยทั่วไปพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เป็นดินที่มีลักษณะเหนียวนุ่มและเป็นที่ราบลุ่ม

สคบ. ---> นายอำพล วงศ์ศิริ กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า บ้านทรุดกลางกรุง ทาง สคบ. ขอเวลา 2 เดือน ในการดำเนินการหาสาเหตุแท้จริงที่ทำให้บ้านทรุดตัว หากเสร็จเร็ว ก็จะรีบหารือเชิญผู้ประกอบการมาพบ และขอคำตอบที่แน่นอนว่า จะแก้ปัญหานี้อย่างไรให้กับลูกบ้านและคิดว่าจะทำให้เสร็จภายในกี่เดือน เพราะว่าลูกบ้านผู้ร้องเรียน กำลังรอคำตอบจาก สคบ. อยู่

 
ลูกบ้านทนไม่ไหว จ้างช่างมาซ่อมบ้านเอง
ลูกบ้านทนไม่ไหว จ้างช่างมาซ่อมบ้านเอง
 
นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์
นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
 

ว่าด้วยเรื่อง งบประมาณในการซ่อมแซม

รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพีฯ กล่าวว่า ในเมื่อเกิดการทรุดตัวมากกว่าปกติเกิดขึ้น ทางบริษัทก็ยินดีที่จะเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา โดยทางบริษัทได้ประเมินวงเงินอยู่ที่ 80,000 บาทต่อหลังที่มีปัญหา แต่ทางลูกบ้านบางรายบอกว่าไม่ต้องการวิธีการของ AP เนื่องจากอยากลงเสาเข็มด้วย ซึ่งการลงเสาเข็มจะเป็นวิธีที่จะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แสดงทรรศนะในเรื่องงบประมาณการซ่อมแซมว่า การแก้ปัญหาจะตัองขึ้นอยู่แต่ละกรณี โดยเรื่องงบประมาณการตอกเสาเข็มมีมูลค่าค่อนข้างสูง สูงกว่าการถมดินมาก ซึ่งไม่สามารถประเมินราคาเป็นตัวเลขได้ หากจะสามารถประเมินได้ จะต้องเอาข้อมูลดินมา และจ้างวิศวกรมาประเมินว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไร

สคบ. ---> ในเรื่องของมูลค่าความเสียหายนั้น นายอำพล เผยว่า ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้จนกว่าจะรู้ว่าพื้นดินข้างล่างจะมีวิธีการซ่อมแซมอย่างไร ใช้งบประมาณเท่าไหร่ ทั้งนี้ หากสรุปค่าเสียหายออกมาแล้ว ลูกบ้านผู้ร้องเรียนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพราะว่าไม่ใช่ความผิดของลูกบ้าน เพราะตอนที่บริษัทโฆษณาไว้ก็ต้องทำให้อยู่ในสภาพที่ได้โฆษณา อีกทั้ง ถ้าชำรุดบกพร่องไม่เป็นไปตามสัญญา ต้องไปดูที่สัญญาว่ายังอยู่ในสัญญาหรือไม่ ต้องทำให้เรียบร้อย ถ้าไม่ทำ สคบ. ก็ต้องดำเนินการฟ้องร้องและบังคับในทางศาล

ขณะที่ วสท. ได้เข้าไปดูพื้นฐานคร่าวๆ ว่าจะตรวจสอบอย่างไร ทำให้มีค่าใช้จ่าย โดยค่าตรวจสอบต่อหลังประมาณ 50,000 บาท ซึ่ง สคบ. กำลังประสานกับทางเอพีอยู่ว่าจะสุ่มตรวจเฉพาะบ้านหลังที่หนักๆ อาจจะ 1-2 หลัง รวมทั้งให้เอพีช่วยรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะให้ทาง วสท. เข้าไปดำเนินการซึ่งถ้าได้ผลการตรวจสอบจะสามารถสรุปภาพรวมได้

 
คุณวัฒนะ แฉล้มมานุช ลูกบ้านผู้ประสบปัญหา
คุณวัฒนะ แฉล้มมานุช ลูกบ้านผู้ประสบปัญหา
 
บ้านหลังหนึ่งที่ลงทุนซ่อมบ้านเอง เนื่องจากเดินเข้าบ้านไม่ได้เลย
บ้านหลังหนึ่งที่ลงทุนซ่อมบ้านเอง เนื่องจากเดินเข้าบ้านไม่ได้เลย
 

ว่าด้วยเรื่อง เจาะชั้นดิน ขั้นตอนที่ควรค่าแก่การปฏิบัติก่อนก่อสร้างอสังหาฯ

นายวิษณุ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพีฯ กล่าวว่า ทาง วสท.และ สคบ. จะให้ทางเอพีรับผิดชอบอย่างไร เอพียินดีที่จะรับผิดชอบ โดยล่าสุด นายก วสท. ได้เข้าไปดูพื้นที่โครงการนี้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การเจาะสำรวจชั้นดิน จะมีค่าใช้จ่ายต่อหลุม 2-3 หมื่นบาท ทาง วสท. จึงชี้แจงว่า จะต้องมีหนังสือขออนุญาตไปยังลูกบ้าน เพราะมิฉะนั้นลูกบ้านสามารถฟ้องได้ ซึ่งเท่าที่ทราบคือ ตอนนี้ (จันทร์ที่ 13 ก.ค.58 เวลา 13.30 น.) วสท. ยังไม่มีหนังสือเข้าไป

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แนะนำสิ่งที่เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ควรจะทำว่า ก่อนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การเจาะสำรวจชั้นดินมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยวิศวกรจะดำเนินการเจาะชั้นดิน เพื่อสำรวจว่าดินมีสภาพอย่างไร สามารถรับน้ำหนักได้พอหรือไม่ ถ้าผลออกมาว่าดินสามารถรับน้ำหนักได้พอ ก็สามารถสร้างได้เลย โดยที่ส่วนของถนนก็ไม่ต้องเจาะเสาเข็มก็ได้ เพราะต้องดูที่ตัวบ้านเป็นหลัก ดังนั้น ถ้าทุกโครงการมีกระบวนการสร้างตามขั้นตอนเช่นนี้ จะทำให้เกิดการทรุดตัวน้อย

“เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ทางลูกบ้านทำจดหมายส่งมาที่ สจล. โดยระบุว่า ยินดีและยินยอมให้มีการเจาะชั้นดิน โดยทาง สจล. ได้มีการมอบหมายให้ฝ่ายโยธาเข้าไปทำการเจาะดิน ซึ่งเจาะไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถทราบผล เนื่องจากอยู่ในห้องทดลอง คาดว่าอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็น่าจะทราบผล” นายก วสท. ยืนยันว่า วสท.มีการเจาะชั้นดินมาตรวจแล้ว

 
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
 
ระบบสาธารณูปโภคของหมู่บ้านสุดหรู
ระบบสาธารณูปโภคของหมู่บ้านสุดหรู
 

สำนักงานเขตเจ้าของพื้นที่ ---> เมื่อทีมข่าวถามว่า การที่จะปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ ตามกฎหมายควรจะมีการตรวจสอบโดยการเจาะชั้นดินด้วยหรือไม่นั้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตจตุจักร ให้คำตอบว่า ตามกฎหมายแล้วไม่มีการบัญญัติไว้ ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของโครงการ ว่าจะมีความรับผิดชอบมากน้อยเพียงใด

สคบ. ---> นายอำพล วงศ์ศิริ กล่าวว่า ในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนมีความต้องการมากบริษัททั้งหลายจึงเข้ามาลงทุนทำเยอะ และหลักการของบริษัทเหล่านี้คือทำอย่างไรให้ได้กำไรสูงสุด แต่ว่าจรรยาบรรณหรือความรับผิดต่อผู้บริโภคขึ้นอยู่กับว่ามีมากมีน้อย บริษัทที่มีความรับผิดชอบก็มี บริษัทที่จ้องจะฟันกำไรอย่างเดียวโดยไม่สนใจผู้บริโภคก็มี จึงเป็นปัญหาให้ สคบ. ต้องตามแก้ตามเช็กอยู่เรื่อยๆ

 
ยางมะตอยบนถนนในหมู่บ้าน เป็นสิ่งปกปิดท่อสายไฟ
ยางมะตอยบนถนนในหมู่บ้าน เป็นสิ่งปกปิดท่อสายไฟ
 
ลานจอดรถหน้าบ้าน แยกออกจากตัวบ้านแล้ว
ลานจอดรถหน้าบ้าน แยกออกจากตัวบ้านแล้ว
 

ว่าด้วยเรื่องระยะยาว อนาคตตัวบ้านจะทรุดไปด้วยไหม?

นายวิษณุ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพีฯ ยืนยันว่า สำหรับตัวบ้านจะแยกการก่อสร้างออกเป็นส่วนโครงสร้างกับส่วนอาคาร สำหรับมาตรฐานของโครงสร้างทางเอพีมั่นใจว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากเสาเข็มและคานของโครงสร้าง ทำให้บ้านไม่ทรุด ไม่เอียง

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กล่าวว่า หากแยกการก่อสร้างออกจากกัน เช่น โครงสร้างตัวบ้านก็ส่วนหนึ่ง ที่จอดรถส่วนหนึ่ง และถนนส่วนหนึ่ง ก็จะไม่มีโอกาสส่งผลกระทบต่อตัวบ้าน แต่จะทรุดลงไปมากถึงขนาดไหน ยังไม่สามารถระบุได้ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์จากการเจาะสำรวจ

“ครั้งแรกที่เข้าไปดูรู้สึกห่วงมากที่สุดคือ ความปลอดภัยของชาวบ้าน ซึ่งโชคดีมากที่ตัวบ้านไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งสามารถอยู่ได้ แต่ทั้งนี้ บริเวณหน้าบ้านมีการทรุดตัวลึกถึง 1 เมตร รองลงมาก็ 50-60 ซม.” ศ.ดร.สุชัชวีร์ แสดงความเป็นห่วงชาวบ้าน

 
นายก วสท. อธิบายถึงหลักการทางวิศวกรรม
นายก วสท. อธิบายถึงหลักการทางวิศวกรรม
 
บ้านหลังนี้ทรุดมากกว่า 50 ซม. หนักที่สุดในหมู่บ้าน
บ้านหลังนี้ทรุดมากกว่า 50 ซม. หนักที่สุดในหมู่บ้าน
 

ว่าด้วยเรื่องซ่อมแซมอย่างถูกต้อง ยั่งยืน

นายวิษณุ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอพีฯ กล่าวถึงวิธีการซ่อมแซมว่า โดยวิธีการนำแผงโครงสร้างเหล็กกั้นบริเวณดินที่เป็นโพรง เพื่อไม่ให้ดินสไลด์เข้าในตัวบ้าน แล้วจึงอัดดินถมเข้าไปใหม่ รวมถึงลงทราย และเทคอนกรีต ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานที่ทางบริษัทจะดำเนินการซ่อมแซมให้ แต่ทางลูกบ้านบางรายบอกว่าไม่ต้องการวิธีนี้ เนื่องจากอยากลงเสาเข็ม ซึ่งการลงเสาเข็มจะเป็นวิธีที่จะต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง

วสท. ---> ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แนะแนวทางการซ่อมแซมบ้านอย่าถูกต้องตามหลักการ ว่า การแก้ไขปัญหานี้ก็คือ การเจาะสำรวจดินก่อน ถ้าชาวบ้านมีการเอาดินไปถมเพิ่มมีโอกาสทรุดอีก เนื่องจากมีน้ำหนักไปอัดเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ผิด เพราะทุกอย่างจะต้องผ่านการเจาะสำรวจก่อน แต่อาจจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการถมไม่ต้องแน่นหนา และปูเป็นตัวหนอนไปก่อน นอกจากนี้ พบว่า มีชาวบ้านอีกกลุ่มที่มีการแก้ปัญหาโดยการตอกเสาเข็ม ซึ่งอันนี้ไม่แนะนำและควรหยุดเป็นอย่างยิ่ง เพราะยิ่งทำให้มีความลึกและจะส่งผลให้ทรุดตัวไปพร้อมกับบ้านได้ ฉะนั้นมองว่า ไม่ว่าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใด สุดท้ายก็ยังต้องเดือดร้อนอยู่ดี เพราะต้องแก้ไขทั้งระบบ ทั้งถนนและบริเวณหน้าบ้าน ชาวบ้านจะต้องพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องถนนที่มีสาธารณูปโภคอยู่ด้านล่างนั้น สามารถปรับแก้ได้ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก โดยใช้วิธีลอกออกแล้ววางระบบใหม่หรือลอกแค่บางจุดก็ได้

 
กำแพงข้างบ้านทรุดตัวจนแตกออก
กำแพงข้างบ้านทรุดตัวจนแตกออก
 
เสารั้วบ้านเอียงอย่างเห็นได้ชัด
เสารั้วบ้านเอียงอย่างเห็นได้ชัด
 

สำนักงานเขตเจ้าของพื้นที่ ---> ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตจตุจักร กล่าวว่า วิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นไปด้วยความลำบากพอสมควร เนื่องจากพื้นด้านใต้จะต้องอัดแน่นกันใหม่ซึ่งต้องใช้เวลา หากจะแก้ด้วยการตั้งเสาเข็มใหม่ลงในพื้นที่หน้าบ้านก็สามารถทำได้ แต่โครงการใหญ่ๆ จะไม่ทำ เพราะมีความสิ้นเปลือง ยิ่งหากขายไปแล้วก็จะไม่เข้ามาแก้ไข ในส่วนของถนนในหมู่บ้าน มีวิธีการแก้ไขที่ยั่งยืน คือ การรื้อ แล้วอัดถนนใหม่ ถมดินใหม่ ถนนจะทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่น แต่ในกรณีของหมู่บ้านนี้ ที่มีการนำสายไฟมาไว้ใต้พื้นถนนคงจะยากในการแก้ไขเพราะปกติแล้ว สายไฟ หรือ ท่อประปา ควรจะอยู่ตามไหล่ทางถนนมากกว่า

สคบ. ---> นายอำพล วงศ์ศิริ กล่าวว่า ฉะนั้น สคบ. ในฐานะคนกลางในการแก้ปัญหา จะต้องศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนได้ผลการศึกษาอย่างไร แล้วจึงไปหารือกับผู้ประกอบการ พร้อมกับขอคำมั่นว่าผู้ประกอบการจะทำอย่างไร แก้ไขอย่างไร และให้เสร็จภายในระยะเวลาเท่าไร สิ่งเหล่านี้คือขั้นตอนในการที่เรากำลังจะทำ

ถ้าเกิดว่าผู้ประกอบการยังไม่ดำเนินการให้ ทาง สคบ. จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยทางอาญามุ่งหวังจะใช้กฎหมาย ปปง. นั่นคือเป็นหนึ่งใน 21 มูลฐานที่จะฟ้องอายัดทรัพย์เขาและยึดทรัพย์มาคืนให้กับผู้บริโภค

 
ท่อบ้านข้างๆ มาโผล่บ้านคุณมงคล ส่วนท่อบ้านคุณมงคลไปโผล่บ้านข้างๆ
ท่อบ้านข้างๆ มาโผล่บ้านคุณมงคล ส่วนท่อบ้านคุณมงคลไปโผล่บ้านข้างๆ
 

ท้ายที่สุด บทสรุปของมหากาพย์บ้านยุบจะเป็นเช่นไร คงจะขึ้นอยู่กับตัวละครอย่าง ลูกบ้าน ผู้ประกอบการ สคบ. วสท. จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องราวให้เป็นไปในทิศทางใด...

******************ล้อมกรอบ*******************
ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถูกร้องเรียนเข้ามายัง สคบ. เป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะปี 2558 มีการร้องเรียนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 978 เรื่อง โดย เลขาฯ สคบ. ระบุว่า ถือว่าถูกร้องเรียนเข้ามาเยอะมาก

“โดย สคบ. จะทำรายงานไปยังท่านรัฐมนตรีและเสนอรัฐบาลต่อไป ว่าจะต้องมีมาตรการอย่างไรที่จะป้องกันปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกผู้บริโภคร้องเรียนเข้ามามากเป็นอันดับ 1 เพื่อจะหามาตรการป้องปรามไม่ให้ภาคธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เอารัดเอาเปรียบหรือสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐานให้กับประชาชน” นายอำพล เลขาธิการ สคบ.

 
สถิติการรับเรื่องร้องเรียนจาก สคบ.
สถิติการรับเรื่องร้องเรียนจาก สคบ.
 

ในเรื่องการร้องเรียนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น เลขาฯ สคบ. อธิบายว่า ไม่ใช่เพิ่งมาร้องเรียนเยอะในช่วงนี้ แต่เมื่อดูย้อนหลังประมาณ 3 ปี อสังหาริมทรัพย์เป็นอันดับ 1 ครองแชมป์การร้องเรียนมากที่สุด เนื่องจากเรื่องบ้าน คอนโดฯ เป็นที่อยู่อาศัย ประชาชนหวังว่าจะต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่พร้อมมีกำลังที่จะซื้อบ้านได้จะต้องเลือกก่อนเป็นสิ่งแรก เมื่อเป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนต้องซื้อแน่ ฉะนั้น ประชาชนจึงมุ่งหวังอยากจะได้บ้านที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับราคาที่ลงทุนไป

 
รายงานปัญหาและสาเหตุการร้องเรียน จาก สคบ.
รายงานปัญหาและสาเหตุการร้องเรียน จาก สคบ.
 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวได้ติดต่อไปยัง นายไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการร้องเรียนของ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่มีเข้ามาที่ สคบ. รวมทั้ง การจัดอันดับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด โดย ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา ได้แนะนำให้กดเข้าไปที่เว็บไซต์ของ สคบ. โดยเข้าไปที่ ข้อมูลผู้บริโภค --> รายชื่อผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดี โดยจะปรากฏรายชื่อ ผู้ประกอบธุรกิจที่ สคบ.มีมติให้ดำเนินคดี แต่เมื่อเข้าไปถึงไม่สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดของผู้ประกอบธุรกิจใดๆ ได้เลย

******************ล้อมกรอบ*******************

 

ข้อมูลและรูปภาพ : http://www.thairath.co.th/content/511904

sendLINE

Comment