ไทยเสพวิดีโอติดระดับโลก เฟซบุ๊ก ชี้เป็นช่องทางสื่อสารแบรนด์ตรงผู้บริโภค

เฟซบุ๊ก เผยสถิติคนไทยใช้เวลาดูวิดีโอติดอันดับโลก เฉลี่ยวันละ 105 นาที ชี้เป็นช่องทางธุรกิจสื่อสารภาพเคลื่อนไหว ไปยังผู้บริโภค นายใหญ่ “เฟซบุ๊ก ไทยแลนด์” ปัดตอบเสียภาษีรายได้โฆษณาออนไลน์

นายจอห์น แวกเนอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟซบุ๊ก ประเทศไทยจำกัด เปิดเผยว่าไทยเป็นผู้นำในการใช้งานวิดีโออันดับต้นๆ ของโลก โดยใช้เวลาเฉลี่ยต่อวันการใช้รับชมวิดีโอ105 นาที ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลก อยู่ที่วันละ 65 นาที โดย 2 ใน 3 ของผู้ใช้ชาวไทยนิยมดูวิดีโอแบบสั้นๆ ตั้งแต่ 0-10 นาที ขณะที่ 1 ใน 3 นิยมดูวิดีโอความยาว 10-20 นาที

“สถิติดูวิดีโอในไทยสูงกว่าทั่วโลก 40% โดยเฉพาะใน 3 เดือนหลังของปีที่ผ่านมาสถิติการชมวิดีโอสูงขึ้นกว่าทั่วโลก 98% จากสถิติที่เกิดขึ้นเป็นช่องทางให้ธุรกิจสื่อสารแบรนด์ หรือโปรดักต์ ในรูปแบบภาษาภาพเคลื่อนไหวไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ตามเนื้อหาที่สื่อสารออกไปจะต้องมีความกระชับสื่อถึงผู้บริโภคโดยตรง”

อย่างไรก็ตามในขณะที่คนไทยใช้ระยะเวลาอยู่บนสื่อทีวีลดลง โดยมีสัดส่วน 46% แต่กลับมีเม็ดเงินโฆษณาบนสื่อทีวีสัดส่วนสูงถึง 69% ของงบโฆษณาทั้งหมด ขณะที่เวลาอยู่บนสื่อดิจิตอลของคนไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 48% แต่การใช้เม็ดเงินโฆษณาราว1% ของงบโฆษณาทั้งหมด ซึ่งเฟซบุ๊กมองว่าโอกาสทางตลาดโฆษณาดิจิตอลในไทยมีมูลค่าสูงถึง 1,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 50,760 ล้านบาท (คิดที่ 36 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีความเป็นไปได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น20-30% ในปีนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาคธุรกิจที่ต้องการอยู่บนเส้นทางดิจิตอลเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค

“หน้าที่ของเฟซบุ๊กคือการให้ความรู้ความเข้าใจกับธุรกิจ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 44 ล้านคนต่อเดือน และมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 30 ล้านคนต่อวันโดยในจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดมีการใช้งานผ่านมือถือ 42 ล้านคนต่อเดือนและมีการใช้งานผ่านมือถือ 29 ล้านคนต่อวัน”

นายแวกเนอร์ กล่าวต่อไปอีกว่า 70% ของเส้นทางการซื้อสินค้าในประเทศไทย มีมือถือเข้ามาเกี่ยวข้องเห็นได้ชัดว่าไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคมือถือซึ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในการค้นหาและเชื่อมต่อกับแบรนด์ต่างๆ ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อสินค้า ธุรกิจในไทยจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เร็วขึ้นด้วยการใช้กลยุทธ์มือถือเพื่อเข้าถึงผู้คนในทุกๆ ขณะของพฤติกรรมการซื้อสินค้าในปัจจุบัน ที่มีรูปแบบซับซ้อนและไม่ตายตัว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์สินค้า กระตุ้นความต้องการซื้อ เพิ่มลีดหรือยอดขาย

ส่วนข้อถามกรณีรายได้จากลงโฆษณาบนเฟซบุ๊กที่เกิดในไทย แต่ไม่เสียภาษีให้กับประเทศไทยเช่นเดียวกับในหลายประเทศนั้น นายแวกเนอร์กล่าวว่าไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะตอบเรื่องดังกล่าว โดยหน้าที่ของตัวเองคือ การผลักดันให้เอสเอ็มอีของไทยใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ

ที่มาจาก : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 วันที่ 29 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2560

THAIPURCHASING.com !!! มี LINE Official แล้วรู้ยัง
สอบถามหาข้อมูลสินค้าหรือกิจกรรมต่างๆของเรา ได้ทุกวันผ่าน 

กดถูกใจ FanPage เพื่อติดตามกิจกรรมของเราได้ที่ :


Facebook.com/thaipurchasing.tensho