“ซินเน็ค” โหม IOT เร่งเกมบุก สู้กำลังซื้อซบ

1.3K



คร่ำหวอดในวงการค้าไอทีมากว่า 30 ปี สำหรับ “ซินเน็ค” ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการมาโดยตลอด แม้จะมีผู้บริหารรุ่นใหม่เข้ามารับไม้ต่อ แต่ก็ยังคงปักหลักมั่นคงในวงการ “สุธิดา มงคลสุธี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX มองทิศทางตลาดไอทีปี 2562 ว่า กำลังซื้อค่อนข้างเงียบ ตลาดรวมน่าจะยังโตประมาณ 5-7% ใกล้เคียงกับปี 2561 ที่ผ่านมา ที่ตลาดเติบโตไม่มากราว 5% แต่ซินเน็คยังโตได้มากกว่าตลาด โดยคาดว่ามีรายได้ 37,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากแรงซื้อของโมบาย และแก็ดเจต รวมถึงได้โดรน กล้องวีอาร์, เออาร์ โดยเฉพาะ IOT (อินเทอร์เน็ตออฟทิงส์) ที่มาดันให้ตลาดรวมโตขึ้น

 

“ปีนี้กลุ่มรีเทลร้านเล็ก ๆ ตามต่างจังหวัด กำลังซื้อจะค่อนข้างเงียบ แต่เชนสโตร์ใหญ่ ๆ ยังไปได้ ส่วนการลงทุนของภาครัฐก็ไม่หวือหวาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาจจะต้องรอดูหลังเลือกตั้ง ขณะที่ภาคเอกชนยังคงลงทุนด้านไอทีต่อเนื่อง”

 

ปีนี้ซินเน็คตั้งเป้าเติบโต 10-15% โดยจะขยายแบรนด์ใหม่ ๆ อีก 7-8 แบรนด์เข้ามาจัดจำหน่ายเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีกว่า 60 แบรนด์ โดยครอบคลุมทั้งสินค้าคอนซูเมอร์ เช่น กล้องและโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโซลูชั่นคลาวด์ ซึ่งมีโอกาสในตลาด EEC เช่น การทำ smart factory รวมถึงจะนำเข้าอุปกรณ์ IOT มากขึ้น

 

เน้นที่อุปกรณ์ต่อเชื่อมในบ้าน เช่น กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบที่ใช้ในสำนักงาน เช่น face recognition ดังนั้น สินค้ากลุ่มเน็ตเวิร์กกิ้งจะเป็นหนึ่งในธุรกิจชูโรงในปีนี้

 

ขณะที่กลุ่มสมาร์ทโฟนยังให้ความสำคัญต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ถึง 40% และบริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายครบทุกแบรนด์ ปีนี้จะเพิ่มแบรนด์ “Net Fos” เข้ามาทำตลาดกลุ่มต่ำกว่า 3,000 บาท เน้นตลาดต่างจังหวัด ปัจจุบันซินเน็คช่องทางจำหน่ายแบบ B2B กว่า 5,000 ราย และยังขยายได้อีกมาก เพราะแบรนด์ที่เข้ากับซินเน็ค เช่น แอปเปิลจะมีฐานรีเซลเลอร์เข้ามาร่วมด้วย

 

ส่วนโน้ตบุ๊กยังคงเติบโตได้ดีจากแรงผลันดันของกลุ่มเกมมิ่ง จากนี้จะเน้นบริการหลังการขายมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะสร้างรายได้ไม่ถึง 5% แต่มั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตได้ระดับเลข 2 หลัก

 

“ตลาดโมบายเติบโตไม่มาก เพราะกลุ่มบนราคา 2 หมื่นบาทขึ้นโตน้อย อย่างแอปเปิลที่มีราคาสูงขึ้นมาก ก็เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้รับผลตอบรับที่ดี แต่รุ่นที่ตกรุ่นกลับได้รับความนิยมมากขึ้น แต่กลุ่มต่ำกว่า 1 หมื่นบาทยังเติบโตดี ซึ่งการแข่งขันในกลุ่มโมบายหัวเว่ยน่าจะรุกหนัก ส่วนซัมซุงก็มีการปรับโครงสร้าง ไม่เน้นแข่งราคา ดังนั้น ปีที่ผ่านมาจึงเห็นแผ่ว ๆ”

 

ความท้าทายในปีนี้คือ ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งไทยและทั่วโลก เช่น ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ตลาดผู้บริโภคค่อนข้างตก ทั้งที่ปกติเป็นช่วงของการจับจ่าย อาจต้องรอปัจจัยบวกจากการลงทุนด้านไอทีขององค์กรธุรกิจ ทั้งคลาวด์ เอไอ โดยเฉพาะด้านโรโบติคที่บริษัทมองว่าเป็นโอกาสสำคัญ แต่ก็ช่วยในกลุ่มคู่ค้าต่างจังหวัดให้ปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ด้วยการส่งวิศวกรเข้าไปช่วยในโครงการต่าง ๆ

 

ขณะที่ซินเน็คเองก็ปรับตัวทั้งรับวิศวกรเพิ่มและนำเอไอเข้ามาช่วยจัดการด้านเอกสาร

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดไอทีเป็นตลาดที่คู่แข่งเข้ายาก เพราะว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนบ่อย ขณะที่ซินเน็คมี top vender ทั่วโลก และมีการพบปะกันทุกไตรมาส ดังนั้น ซินเน็คจะเห็นเทรนด์ต่าง ๆ ก่อนที่เทคโนโลยีจะออก

 

ดังนั้น สามารถรู้ได้ว่าอะไรใหม่ อะไรเหมาะกับไทย ทำให้อยู่ในกระแส และวางแผนการทำตลาดได้ ด้านการเข้าไปทำตลาดใน CLMV มองว่า มีการเติบโตที่ดี ผู้บริโภคมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในเมียนมาและลาว ซินเน็คมีการเปิดสาขาแล้ว ขณะที่กัมพูชาอาจจะหาพาร์ตเนอร์ เนื่องจากภาคการเมืองยังไม่นิ่ง แต่มีโอกาสเติบโตสูง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.prachachat.net

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

sendLINE

Comment