BOI อัด 3 มาตรการ full package ลงทุนปี”63

1.6K



 

 

เมื่อสถานการณ์การลงทุนที่ประเมินว่าอาจจะไม่คึกคักอย่างที่หวังไว้ ด้วยทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องทำงานหนักด้วยการระดมหามาตรการที่เหมาะสมให้ครอบคลุมทุกเซ็กเตอร์ ทั้งธุรกิจน้อยใหญ่รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ในที่สุดการประชุมบอร์ดบีโอไอสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบ “มาตรการเร่งรัดการลงทุนสำหรับปี 2563” แบบ full package ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นการลงทุนได้มากกว่า 200,000 ล้านบาท

 

3 มาตรการใหม่พิเศษ

 

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า 3 มาตรการใหม่พิเศษ ที่บอร์ดเห็นชอบ จะเร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ส่งเสริมการลงทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก โดยส่วนแรก “มาตรการกระตุ้นการลงทุน

 

สำหรับโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมาย” กิจการกลุ่ม A1, A2, A3 หากลงทุนจริงในทุกพื้นที่ 500 ล้านบาทในปี 2563 หรือ 1,000 ล้านบาทในปี 2564 จะเพิ่มการลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% ให้อีก 5 ปี ซึ่งต้องยื่นคำขอ 2 ม.ค. 2562-30 ธ.ค. 2563 แน่นอนว่าจะกระตุ้นเม็ดเงินการลงทุนได้มากกว่า 200,000 ล้านบาทในช่วง 2 ปีนี้

 

ต่อมา “มาตรการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)” หลังจากที่หมดอายุยื่นขอรับส่งเสริมไปตั้งแต่ ธ.ค. 2562 ไปเป็น ก.พ. 2563 เป็นที่มาของการกำหนดคำจำกัดความของ SMEs ใหม่ หากตั้งกิจการในนิคม/เขตอุตสาหกรรม ได้ยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มเติม 1 ปี ตั้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน (SEZ) ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในสัดส่วน 200% ของเงินลงทุน ยื่นคำขอได้ตั้งแต่ 2 มี.ค. 2563-30 ธ.ค. 2564

 

และ “มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก” นอกจากขยายเวลาไปถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2564 ยังให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการอยู่เดิม โครงการที่ยังมีสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเหลืออยู่ โครงการลงทุนใหม่ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้หากมีการลงทุนหรือมีค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก จะได้ยกเว้นภาษีเงินได้ เพิ่ม 120% ของเงินสนับสนุน และยังออนท็อปให้ ขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการอื่นได้อีก

 

หนุนท่องเที่ยวเมืองรอง

 

การสนับสนุนให้เกิดการลงทุนจะมองเพียงมิติของภาคการผลิตอย่างเดียวไม่ได้ เมื่อไทยมีจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยว บีโอไอจึงเพิ่มกิจการกระเช้าไฟฟ้าให้ครอบคลุมรถรางไฟฟ้าเพิ่ม ขณะที่กิจการโรงแรมให้ขยายไปสู่เมืองรอง 55 จังหวัดตามยุทธศาสตร์ อีกทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพและมาตรฐานในทุกจังหวัด เช่นต้องมีจำนวนห้องตั้งแต่ 100 ห้องขึ้นไป เงินลงทุน 2 ล้านบาท/ห้อง

 

 

หนุนโครงการ “บ้านล้านหลัง”

 

และข่าวดีรอบนี้คือการเอาใจประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่จะมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง จึงเปิดให้การส่งเสริม “กิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” โดยสนับสนุนโครงการ “บ้านล้านหลัง” ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เช่น อาคารชุดต้องมีพื้นที่ใช้สอย 24 ตารางเมตร/หน่วย ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร จะต้องกำหนดราคาขายรวมค่าที่ดินไม่เกิน 1.2 ล้านบาท/หน่วย ยื่นคำขอภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2563 ผู้ลงทุนจะได้ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี

 

ขอบคุณที่มา : ประชาชาติธุรกิจ : www.prachachat.net 

 

 

 

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE Thaipurchasing

 

   

 

 

sendLINE

Comment