โควิด-19 ฉุดตลาดหุ้นไทย-อินโดฯ-ฟิลิปปินส์ร่วงหนัก

ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  หรือโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ตั้งแต่ดัชนี S&P 500 ในฝั่งสหรัฐฯ แต่ผลกระทบหนักที่สุดคือฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2563) ตลาดหุ้นไทย (SET) ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JCI) และฟิลิปปินส์ (PSE) ได้รับผลกระทบจากการเทขายหุ้น เพราะความกังวลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนทั้ง 3 ตลาดหุ้นเข้าสู่ 10 อันดับตลาดหุ้นหลักที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในปีนี้ และการขายหุ้นจากความตระหนก ทำให้ดัชนี MSCI อาเซียนลดลงมากกว่า 17% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ดัชนี SET ของไทยเมื่อวานนี้กลับมาติดลบราว 54 จุด ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,340 จุด สาเหตุที่ปรับลดลงเพราะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันประเทศไทยได้รับผลกระทบทางตรงจากโรคโควิด-19 ทั้งการท่องเที่ยว ภาคการผลิต และส่งออกของไทยที่อาจหดตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด ในส่วนของราคาหุ้นปรับลดลงเช่นกัน อาทิ

– บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 9,066.86 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 20% มาอยู่ที่ 22.40 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 26.00 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

– บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 6,112.44  ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 7.35% มาอยู่ที่ 31.50 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 34.00 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

– บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 5,334.33 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 6.59% มาอยู่ที่ 39.00 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 41.75 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

– บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 3,283.12 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 7.83% มาอยู่ที่ 106 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 115 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

– บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 2,848.22 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 2.59% มาอยู่ที่ 65.75 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 67.5 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

– AOT มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 2,793.13 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับลดลง 4.78% มาอยู่ที่ 59.75 บาทต่อหุ้น (ลดลงจาก 62.75 บาทต่อหุ้นในช่วงเช้าวันที่ 28 กุมภาพันธ์)

ขอบคุณที่มา : thestandard.co 

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE Thaipurchasing