8 ที่เที่ยวแปลกทั่วไทย เชื่อหรือไม่...มีอยู่จริง

ขึ้นชื่อว่า “เมืองไทย” บอกเลยว่า “เที่ยวจนตาย” ก็เที่ยวได้ไม่หมดเพราะดินแดนแห่งนี้มากล้นไปด้วยประวัติอันยาวนานและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ถ้าไม่เชื่อขอท้า...ใครที่มั่นใจว่าเป็น “กูรู”ด้านท่องเที่ยวลองมาติดตามบทความฉบับนี้ดูสิ มาลองดูกันว่าคุณเคยไปมาแล้วครบทุกที่หรือยังกับ 8 ที่เที่ยวแปลกทั่วไทยเชื่อหรือไม่...มีอยู่จริง

หล่มภูเขียว ลำปาง : ทะเลสีมรกตบนยอดดอย

หากพูดถึงเมืองรถม้า ลำปาง หลายคนอาจจะนึกถึงสถานที่เที่ยวที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมต่าง ๆ เนื่องมาจากเป็นเมืองโบราณสืบเชื้อสายยาวนานมาตั้งแต่สมัยล้านนา แต่รู้หรือไม่ว่าลำปางแห่งนี้มีที่เที่ยวสวยแปลกซ่อนอยู่ นั่นคือ “หล่มภูเขียว” แอ่งน้ำทางธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบผามีเนื้อที่กว้างประมาณ 1-2 ไร่ ไฮไลท์ของที่นี่คือความลึกที่ไม่สามารถระบุได้ ทำให้ผืนน้ำกว้างใหญ่กลายเป็นทะเลสีมรกตที่ผุดขึ้นมาบนยอดดอย นอกจากความงามที่เป็นไฮไลท์แล้วยังเชื่อกันว่า “หล่มภูเขียว” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตเคยมีการนำขันข้าวพร้อมดอกไม้ธูปเทียนนำไปวางบนขอนไม้และลอยไปกลางลำน้ำปรากฏว่าขอนไม้จมลงไปใต้น้ำแล้วลอยขึ้นมาใหม่ แต่เทียนที่จุดไว้กลับไม่ดับ ปัจจุบันชาวบ้านนิยมนำน้ำจากที่นี่มาใช้ดื่มกินและอธิษฐานขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บและเนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของผู้คนที่นี่ การเข้ามาเที่ยวยัง “หล่มภูเขียว” จึงมีข้อปฏิบัติที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดอีกด้วย

วัดพระธาตุจอมก้อย ลำปาง : พระพุทธรูปปางไสยาสน์สานด้วยตอกไม้ไผ่ทั้งองค์ หนึ่งเดียวในไทย

อีกหนึ่งความแปลกของเมืองลำปางไปกันที่วัดพระธาตุจอมก้อย อ.เมืองปาน ไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ "พระพุทธเจ้าตอกสาน" พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ ตลอดองค์พระมีความยาวถึง 12 เมตร 2 เซนติเมตร ความพิเศษขององค์พระไม่ได้อยู่ที่ขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยู่ที่วัสดุที่ใช้ในการสร้างเพราะสร้างจากตอกไม้ไผ่สานกว่า 1 ล้านเส้น จัดเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์แบบตอกสานหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้เกิดจากพลังศรัทธาของเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชน ใครที่มีกำลังทรัพย์ก็ร่วมบริจาคเงินส่วนใครกำลังทรัพย์น้อยก็ร่วมแรงช่วยจักตอก เหลาตอก โดยฝีมือในการสานองค์พระจะมาจากช่างฝีมือจากสิบสองปันนาใช้เวลาในการสร้าง 1 เดือน 22 วัน นับเป็นองค์พระที่มีความสวยงาม แปลกตา และเกิดจากศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร ลพบุรี : อุโบสถทำด้วย“หินเขี้ยวหนุมาน” อันทรงคุณค่า

อุโบสถทำด้วยทองคำทำด้วยปูน ทำด้วยคอนกรีต ยุคนี้สมัยนี้มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น แต่ถ้าทำด้วย “หิน” ล่ะ...คุณว่า “แปลก” มั้ย ที่วัดเขาพระงามหรือวัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร จ.ลพบุรี มีอุโบสถหลังใหญ่ทำด้วย "หินเขี้ยวหนุมาน" ทั้งหลัง ซึ่ง “หินเขี้ยวหนุมาน” นี้ จัดเป็นรัตนชาติที่มีพลังอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์และอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวเอง เป็นหินแห่งโชคลาภ เมตตามหานิยมและช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตรายต่าง ๆ จัดเป็นหินตระกูลเดียวกันกับเพชร แต่มีความแข็งน้อยกว่าเชื่อกันว่าถ้าทิ้งไว้ตามสภาพเดิมนานต่อไปอีกประมาณ 1,000 ปี จะกลายเป็นเพชรจริง ๆ แต่จากภาพที่เห็นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมไม่เห็นความแวววาว ไม่มีการเปล่งแสงงดงาม สาเหตุเพราะต้องทาสีทับเพื่อป้องกันผู้มาลักลอบขโมยหินไปและเพราะการทาสีทับนี่เองทำให้อุโบสถแห่งนี้อยู่มายาวนานจนถึงปัจจุบัน

ผาพญางู ปัตตานี : หินผาศักดิ์สิทธิ์รูปร่างแปลกตาคู่ผืนป่าปัตตานี

พาลงใต้สุดแผ่นดินไทยกันบ้างที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เที่ยวแปลกที่จะแนะนำคือ “ผาพญางู” ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลามายาวนานเกิดเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีความสูงประมาณตึก 4 ชั้น มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ "หัวงูขนาดยักษ์" ที่งอกพ้นแผ่นผาออกมาอย่างโดดเด่น แม้ว่าหินยักษ์นี้จะมีรูปร่างคล้ายกับพญาอสรพิษหากแต่ชาวบ้านละแวกนั้นมีความเชื่อกันว่านี่คือพญางูใจดี ที่จะคอยปกป้องคุ้มครองบรรดาชาวบ้านและนักท่องเที่ยวให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ทำให้ผู้คนที่แวะเวียนมาเยือนน้ำตกทรายขาวต้องหาโอกาสมาสักการะ “ผาพญางู” แห่งนี้ทำให้ที่นี่กลายเป็น Landmark สำคัญและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าคู่ผืนป่าปัตตานีมาจนถึงปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก ยโสธร : พิพิธภัณฑ์คางคกที่แรกในโลก

เคยเจอพิพิธภัณฑ์แปลกมาแล้วมากมาย แต่ที่สุดเซอร์ไพรช์และกลายเป็น Talk of The Town ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาต้องยกให้ "พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก" หรือพิพิธภัณฑ์คางคกที่แรกของโลก ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำลำทวน เทศบาลเมืองยโสธร ตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นรูปคางคกขนาดยักษ์มีความกว้าง 19 เมตร สูง 21 เมตร ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เท่า ๆ กับตึก 5 ชั้น นับเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์รูปร่างแปลกที่พบในประเทศไทย ภายในจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับตำนานพญาคางคกและบั้งไฟ ที่เป็นเรื่องเล่าตำนานพื้นเมืองของชาวอีสาน พร้อมกับสอดแทรกเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์และความหลากหลายทางชีวภาพ มีการจัดฉายภาพยนตร์ 4 มิติ และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ในเมืองไทยที่มีอยู่กว่า 32 ชนิด ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ อพวช. ร่วมศึกษากับมหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งมีการเพิ่มการจัดแสดงคางคกชนิดต่าง ๆ ที่พบได้ทั่วโลกซึ่งมีกว่า 500 ชนิดอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงจะมีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พญาแถนและพิพิธภัณฑ์พญานาคเพิ่มเติม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของยโสธรในอนาคต ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์พญาคันคากยังไม่แล้วเสร็จคาดว่าจะเสร็จสิ้นสามารถเปิดในเข้าชมได้ในราวปลายปี 2559 – ต้นปี 2560

ถ้ำน้ำบ่อผี แม่ฮ่องสอน : ถ้ำลึกลับท่ามกลางหุบเหวลึกกว่า 140 เมตร

พูดถึงแม่ฮ่องสอนก็ต้องนึกถึงที่เที่ยวแบบ Slow Life อย่าง “ปาย” แต่ถ้าเบื่อความเนิบช้า แต่ไม่อยากเดินทางไปที่อื่นแนะนำไปหลั่งอะดรีนาลีนกับที่เที่ยวสุดแปลกกว่าใคร เพราะจะพาด่ำดิ่งลงสู่ “ถ้ำในหุบเหว” ที่ลึกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั่นคือ “ถ้ำน้ำบ่อผี” อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ความกว้างของปากหลุมมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลถึง 2 สนาม ส่วนความลึกก็สุดอลังการเพราะวัดจากปากหลุมลงไปยังพื้นดินมีความลึกถึง 140 เมตร การเดินทางลงไปยังหุบเหวเบื้องล่างทำได้วิธีเดียวคือการโรยตัวไต่หน้าผาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นอีกหนึ่งการเดินทางสุดระทึกเพราะต้องฝากชีวิตไว้บนเส้นเชือก วิธีเดินทางกลับก็ต้องไต่ย้อนกลับขึ้นมาเท่านั้น เมื่อลงไปถึงแล้วภาพงามของกลุ่มหินย้อยสูงใหญ่จำนวนมากที่มีสภาพสมบูรณ์สวยงามเรียงรายลดหลั่นกันเหนือบริเวณโถงถ้ำจะทำให้ลืมเหนื่อยในทันที นอกจากนี้ยังจะได้พบกับร่องรอยของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่มีสภาพให้เห็นชัดเจนปรากฏการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า “ถ้ำน้ำบ่อผี” แห่งนี้ ได้เกิดขึ้นและคงอยู่มายาวนานเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว

ตานิ่ม เมจิก การ์เด้น : สวนพระพุทธรูปลึกลับในเกาะสมุย

ถ้าพูดถึงเกาะสมุยที่เที่ยวที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงก็ต้องเป็นหินตาหินยาย landmark สำคัญของเกาะหรือจะเป็นทะเลสวยน้ำใสที่ใคร ๆ ก็มุ่งหน้ามาเยือนแต่รู้หรือไม่ว่า...ท่ามกลางขุนเขาอันเขียวขจีบริเวณกลางเกาะแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวลึกลับซ่อนอยู่ นั่นคือ ตานิ่ม เมจิก การ์เด้น (Secret Buddha Garden) หรือที่รู้จักในชื่อสวนพระพุทธรูปลึกลับบนเกาะสมุย ตั้งอยู่บนเขาสูงชันบ้านมะเร็ด เกาะสมุย การเดินทางต้องใช้ความระมัดระวังเพราะพื้นที่เป็นทางลาดชันต้องใช้รถ 4x4 เท่านั้น ภายในสวนแห่งนี้นอกจากจะอากาศดี เพราะเต็มไปด้วยพรรณไม้เขียวขจีแล้วยังเต็มไปด้วยรูปปั้นแบบโบราณทั้งรูปปั้นมนุษย์หญิง-ชายในท่าร่ายรำ ท่าบรรเลงดนตรี, รูปปั้นเทพ, ยักษ์และสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งรูปปั้นเหล่านี้เป็นผลงานของ ตานิ่ม ทองสุข เจ้าของสวนแห่งนี้ที่เริ่มปั้นมาตั้งแต่ปี 2519 ในขณะที่อายุได้ 77 ปี นอกจากนี้อีกด้านของสวนก็จะมีน้ำตกขนาดเล็กไหลผ่านสามารถเล่นน้ำและเพลิดเพลินไปกับการชมสวนได้ ปัจจุบันทายาทได้เปิดให้ ตานิ่ม เมจิก การ์เด้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่เนื่องจากด้วยพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวในวงแคบเท่านั้น

หาดทรายดำ ตราด : ทะเลแปลก 1 เดียวในไทย 1 ใน 5 ของโลก

เที่ยวทะเลทั้งที ใคร ๆ ก็ต้องชอบหาดทรายขาว น้ำใส ทิวมะพร้าวหรือทิวสนเป็นแนวยาว แต่ทะเลสุดแปลกที่เราจะแนะนำในวันนี้รับรองว่าไม่เหมือนใคร เพราะเป็นทะเลที่มีหาดทรายเป็นสีดำ นั่นคือที่ “หาดทรายดำ จังหวัดตราด” สาเหตุที่หาดทรายของที่นี่เป็นสีดำเนื่องจากการยุบตัวสลายของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยควอตซ์ ทำให้พื้นที่โดยรอบระยะทางกว่า 2 กม. กลายเป็นสีดำความแปลกที่ว่าบอกเลยว่าไม่ธรรมดาเพราะทั่วโลกมีอยู่แค่ 5 ที่เท่านั้น การมาชมความงามของหาดทรายแบบสุดสายตา แนะนำมาช่วงน้ำลงจะได้สัมผัสกับหาดทรายดำแบบใกล้ชิดและจะได้เห็นความสวยงามของหาดทรายดำที่แท้จริง นอกจากนี้บริเวณพื้นที่แห่งนี้ยังเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนและหากต้องการล่องเรือชมหิ่งห้อยก็มีบริการเพิ่มเติม แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเท่านั้น

ความแปลก Amazing หรือ Unseen ของสถานที่ท่องเที่ยวยังมีอยู่ทั่วไทย รอแค่คุณพร้อมแล้วก้าวออกไปสัมผัสเท่านั้นเอง แต่เชื่อสิเที่ยวเมืองไทย เที่ยวยังไงก็ไม่หมด...จริง ๆ

ข้อมูลและรูปภาพ : http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/002656/lang/th/