ใกล้หมดยุคของ Flash
แนวคิดของ Flash ถูกออกแบบขึ้นในสมัยที่เว็บยังมีข้อจำกัดอยู่มาก สามารถแสดงได้เฉพาะข้อความและรูปภาพเท่านั้น ไม่มีเสียงประกอบ วิดีโอ และแอนิเมชันใด ๆ ดังนั้นคนที่อยากได้ความสามารถด้านมัลติมีเดียบนเว็บ จำเป็นต้องติดตั้ง “ปลั๊กอิน” เพิ่มเติมจากเบราว์เซอร์ปกติ เพื่อให้สามารถเล่นไฟล์แบบ Flash ที่มีความสามารถเหนือกว่าเว็บได้ Flash ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะเรื่องเกมบนเว็บและวิดีโอออนไลน์ ถ้ายังจำกันได้ เมื่อหลายปีก่อน คนไทยฮิตเล่นเกมปลูกผัก FarmVille บน Facebook ซึ่งเขียนด้วย Flash ทั้งหมด ส่วนของวิดีโอออนไลน์ เว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง YouTube ก็ใช้ Flash เป็นตัวเล่นวิดีโอมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สรรพสิ่งไม่เที่ยง มีขาขึ้นก็ต้องมีขาลง เมื่อเว็บเริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงหลัง เทคโนโลยีเว็บที่เราเรียกรวม ๆ ว่า HTML5 สามารถเล่นไฟล์วิดีโอหรือสร้างเกมแบบเดียวกับที่ Flash เคยทำได้มาก่อน เหตุผลที่ต้องใช้ Flash จึงลดลงไปมาก
อย่างแรกคือ Flash กินทรัพยากรมาก โดยเฉพาะถ้าโปรแกรมเมอร์เขียนไม่ดีหรือขาดประสบการณ์ เว็บที่มีเนื้อหาแบบ Flash จะกินทรัพยากรของคอมพิวเตอร์มหาศาล จนทำให้คอมพิวเตอร์ค้างและเปลืองแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น บุคคลแรกที่ออกมาปฏิเสธ Flash คือ สตีฟ จ็อบส์ เมื่อครั้งที่ออก iPhone ใหม่ ๆ เขาปฏิเสธไม่ให้ Adobe พัฒนา Flash บน iPhone ด้วยเหตุผลว่ามันสิ้นเปลืองทรัพยากร เปลืองแบตเตอรี่ เพราะการเปิดเว็บบนอุปกรณ์พกพาจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องแบตเตอรี่เป็นหลัก ต่างจากการใช้พีซีที่เสียบไฟแทบตลอดเวลา ความนิยมของอุปกรณ์พกพา สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เริ่มเบียดบังการใช้งานพีซีแบบในอดีต อุปกรณ์พวกนี้ส่วนใหญ่เปิด Flash ไม่ได้ (Android ยุคแรก ๆ เคยทำได้แต่สุดท้ายเลิกไป) ทำให้เว็บไซต์หลายแห่งต้องปรับตัว เลิกใช้ Flash ทำเนื้อหาในเว็บ เพราะไม่อย่างนั้นเวลาเข้าเว็บด้วยอุปกรณ์พกพา ก็จะไม่เห็นเนื้อหาส่วนนี้ เสียโอกาสธุรกิจไปเปล่า ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเร็ว ๆ นี้เราเพิ่งเห็น YouTube และเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์หลายแห่งเริ่มเปลี่ยนตัวเล่นวิดีโอจาก Flash เป็น HTML5 ทั้งหมด 100% ปี 2015 เป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับ Flash เยอะพอสมควร เมื่อตอนกลางปีมีคนค้นพบช่องโหว่สำคัญของ Flash ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง แต่บริษัท Adobe กลับไม่สามารถอุดช่องโหว่ความปลอดภัยนี้ได้เร็วพอ ทำให้เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Firefox ตัดสินใจป้องกันผู้ใช้งาน โดยบล็อกการทำงานของ Flash ทั้งหมดจนกว่าจะได้อัพเดตจาก Adobe ซึ่งกินเวลาหลายวัน ต่อมา Amazon ยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซที่มีธุรกิจโฆษณาออนไลน์ด้วย ประกาศข้อมูลว่าจะไม่รับโฆษณาแบบ Flash อีกแล้ว เพราะเคยมีกรณีแฮกเกอร์สร้างโฆษณา Flash ที่ฝังมัลแวร์ แล้วกระจายผ่านระบบโฆษณาบนเว็บ จนแฮกคอมพิวเตอร์ได้จำนวนมาก ทาง Amazon จึงขอรับเฉพาะโฆษณาแบบรูปภาพหรือ HTML5 เท่านั้น ล่าสุด Chrome ประกาศว่าจะไม่เล่นโฆษณาที่เป็น Flash อัตโนมัติอย่างที่เคยทำ ด้วยเหตุผลว่าต้องการประหยัดทรัพยากรของระบบ ดังนั้นเอเยนซี่โฆษณารายใดยังยึดติดกับการทำโฆษณาด้วย Flash ย่อมได้รับผลกระทบว่าจะมีคนเห็นโฆษณาน้อยลง เนื่องจาก Chrome จะปิดโฆษณาดังกล่าวตามนโยบายนี้ ในภาพรวมแล้ว Flash เป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะตายในอีกไม่ช้า ทางออกของบรรดาผู้สร้างเว็บและเนื้อหาออนไลน์ทั้งหลาย จึงต้องเป็นการปรับตัวไปใช้เทคโนโลยีอื่นทดแทน ก่อนจะสายเกินไปจนเทคโนโลยีตกยุค พลอยสูญเสียลูกค้าไปด้วยครับ
|

Comment
New!

สถาปนิก 68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

หากท่านอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ไม่ควรพลาดงานนี้ !! งาน Thailand Oil & Gas Roadshow 2024

สถาปนิก’68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำกว่า 600 บริษัท ตบเท้าร่วมงานสถาปนิก’67 พร้อมโชว์นวัตกรรมสุดล้ำ
Popular

ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

สินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย

การส่งกำลังโดยใช้สายพาน

ประเภทสกรูและน็อต อุตสาหกรรม