ไทคอนฯ ทุ่ม7พันล.ผุดแวร์เฮาส์รับเออีซี ลงนามลินฟ้อกซ์ โลจิสติกส์ออสซี่ รุกลูกค้าร้านอาหารครั้งแรก

1.7K



"ไทคอนฯ" ทุ่ม7พันล.ผุดแวร์เฮาส์รับเออีซี ลงนามลินฟ้อกซ์ โลจิสติกส์ออสซี่ รุกลูกค้าร้านอาหารครั้งแรก

ไท คอน โลจิสติคส์ พาร์ค ทุ่ม 3,500 ล้าน พัฒนาพื้นที่แวร์เฮาส์เฟสแรกในโครงการวังน้อย 2 เล็งลงทุนเฟส 2 อีก 3,500 ล้าน ใน 3-5 ปีจากนี้ หลังให้เช่าพื้นที่เฟสแรกเต็ม พร้อมลงนามลินฟ้อกซ์ รุกลูกค้ากลุ่มร้านอาหารเชนครั้งแรก รับธุรกิจเชนร้านอาหารขยายตัว เล็งปีหน้าขยายโปรเจคในประเทศเพื่อนบ้าน รับเออีซี

นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือทีพาร์ค ผู้พัฒนาโครงการโลจิสติกส์พาร์คและคลังสินค้าเพื่อให้เช่ารายใหญ่ในไทย เปิดเผยว่า จากการที่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการเช่าคลังสินค้ามีมากขึ้น บริษัทจึงได้พัฒนาพื้นที่คลังสินค้าในโครงการ "ทีพาร์ค วังน้อย 2" จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาดพื้นที่รวม ไม่ต่ำกว่า 600 ไร่

โดยแบ่งการ พัฒนาโครงการออกเป็น 2 เฟส เฟสแรก มีขนาดพื้นที่กว่า 320 ไร่ ใช้งบลงทุน ราว 3.5 พันล้านบาท โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าพร้อมใช้เพิ่มเติม ซึ่งมีผู้เช่าพื้นที่แล้วกว่า 2 หมื่นตร.ม. และในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ภายหลังจากที่มีผู้เช่าพื้นที่ในเฟสแรกเต็ม บริษัทจะเดินหน้าลงทุนเพิ่มอีก 3,500 ล้านบาท ในเฟสที่ 2 ของโครงการ ขนาดพื้นที่ กว่า 300 ไร่

สำหรับ ภาพรวมของธุรกิจโลจิสติกส์ พาร์คในไทย พบว่าส่วนใหญ่เป็นการขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยมักจะจัดตั้งคลังสินค้าที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ด้วยการขยายคลังสินค้าของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (เออีซี) ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2558 เริ่มมีบ้าง แต่ยังไม่ชัดเจนมากนัก

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าหลายราย เริ่มมองหาการขยายพื้นที่สร้างคลังสินค้าให้เช่าไปในภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยในขณะนี้ บริษัทยังมีพื้นที่ในต่างจังหวัด อาทิ ในจ.ลำพูน กว่า 150 ไร่ และจ.ขอนแก่น อีก 180 -190 ไร่

ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการขยายโครงการลงทุนสร้างคลังสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เวียดนาม ลาว รองรับกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอาเซียน โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในปีหน้า

ล่าสุด บริษัทได้ขยายงานไปยังกลุ่ม "ธุรกิจร้านอาหาร" เป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้ เน้นรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ธุรกิจค้าส่ง เป็นหลัก โดยได้ร่วมงานกับบริษัท ลินฟ้อกซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์เอกชนรายใหญ่ของออสเตรเลีย ที่กำลังขยายธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าแบบครบวงจรในไทย โดย “ลินฟ้อกซ์” ได้ลงนามสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าขนาด 1 หมื่นตร.ม. ในโครงการวังน้อย 2 ในลักษณะสัญญาเช่าระยะ 3 ปี

ทั้งนี้ คลังสินค้าที่ให้ลงนามสัญญาเช่านี้ ประกอบด้วย พื้นที่คลังสินค้าอาหารแห้ง ธุรกิจร้านอาหารเชน หรือร้านอาหารที่มีจำนวนหลายสาขา โดยในเบื้องต้นจะให้บริการแก่ลูกค้ารายใหญ่ คือ “ยัม เรสเทอรองตส์” ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนรายใหญ่ อาทิ เคเอฟซี และพิซซ่าฮัท

สำหรับ การเริ่มต้นความร่วมมือในครั้งนี้ คาดว่าจะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทเข้าไปขยายงานในกลุ่มร้านอาหารเชนมาก ขึ้นในอนาคต โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริการธุรกิจร้านอาหารเชน แม้ว่าปัจจุบันกลุ่มลูกค้าจากร้านอาหารเชนต่างประเทศจะมีค่อนข้างจำกัด เพราะร้านอาหารเชนที่ดำเนินงานโดยเจ้าของกิจการที่เป็นคนไทยส่วนใหญ่จะมี คลังสินค้าของแต่ละบริษัทอยู่แล้ว

นายเดวิด เอมส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินฟ้อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมงานกับทีพาร์ค เนื่องจากมองว่า เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการคลังสินค้า รวมถึงพื้นที่วังน้อย ถือเป็นทำเลที่ดีสำหรับการกระจายสินค้า โดยตัวโครงการฯตั้งอยู่ใกล้กับทางหลวงสายหลัก และวงแหวนรอบนอก สามารถกระจายสินค้าไปยังกทม. ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“ตลาด ร้านอาหารเชนหลายแบรนด์ ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง และเริ่มขยายสาขาทั้งในกทม.และตจว. และไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่เทรนด์การขยายตัวของร้านอาหารเชนในอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน"

ทั้ง นี้ จากสถานการณ์การเปิดเออีซีในปีหน้า บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคนี้ โดยสนใจเข้าไปลงทุนใน พม่า กัมพูชา และลาว มากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทดำเนินธุรกิจขนส่งกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ระหว่างไทย -ลาว และในอนาคตยังมีโอกาสขยายธุรกิจทั่วภูมิภาค โดยในปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค หรือเอฟเอ็มซีจี

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/614252

 

sendLINE

Comment